รีวิว AirPods Pro (รุ่นที่ 2) เสียง และ ANC ดีขึ้น แต่ยังใช้ดีไซน์เดิม

ภาพ: Apple

เนื่องจากแอปเปิลพึ่งเปิดตัว AIrPods Pro (รุ่นที่ 2) ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมที่ใช้ AirPods รุ่นที่ 2 อยู่ ก็เกิดอยากเสียเงินขึ้นมา ทำให้ได้กดสั่งซื้อ AirPods Pro ตัวใหม่นี้มาอย่างไม่ลังเล ทั้งๆ ที่ไม่เคยใช้ AirPods Pro มาก่อนเลย ด้วยเหตุผลก็คือ

  • ชิป H2 แอปเปิลก็เปิดตัว AirPods มานานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ AirPods นั้นไม่ใช้ชิป H1 แล้วซักที พอเปลี่ยนมาเป็นชิป H2 แล้ว ก็คาดหวังกับคุณภาพเสียงที่ดีขึ้น และ ANC ที่เก่งมากขึ้นเช่นกัน
  • Touch Control ปรับความดังเสียงผ่านหูฟังได้ซักที คิดว่าน่าจะสะดวกกับการใช้งานขึ้นมาก ดีกว่าแต่ก่อนที่ต้องเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงไปกดปุ่มปรับเสียงที่ไอโฟน
  • มีชิป U1 ทำให้สามารถหา AirPods ได้เหมือนกับ AirTag พร้อมระบบ Precision Finding
  • อยากลอง Spatial Audio

ประกอบกับ AirPods รุ่นที่ 2 ที่ใช้งานมาเกือบๆ 3 ปีก็เริ่มมีอาการแบตเสื่อมไปตามอายุขัยของมันแล้ว จึงทำให้เกิดรีวิวนี้ขึ้นครับ

Unbox

กล่องของ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) ก็คงไม่ค่อยต่างจากผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลตัวอื่นๆ มากนัก สิ่งที่ให้มาในกล่องก็จะมี

  • AirPods Pro (รุ่นที่ 2)
  • Ear Tips 4 ขนาด (รวมที่ติดมากับหูฟังด้วย)
  • USB-C to Lightning cable

ต่อมาก็จะเป็นรีวิวในแต่ละส่วนของ AirPods Pro (รุ่นที่ 2) จากที่หาเอารุ่นเก่ามาลองฟังเทียบด้วย พบว่าพัฒนาขึ้นในหลายๆ ด้านครับ จะเป็นยังไงมาลองดูกัน

Active Noise Cancelling

จากที่ฟังเทียบกันก็พบว่า รุ่นที่ 2 นั้นมีระบบ ANC ที่ดีกว่ารุ่นเดิมมาก เสียงลมแรงๆ หรือเสียงที่ดังมากๆ จากที่เคยได้ยิน ก็ลดลง จนถึงกับไม่ได้ยินเลยบ้างก็มี และความรู้สึกเวลาเปิดโหมด ANC ก็รู้สึกว่ามันอื้อน้อยลง ทำให้ใส่สบายมากขึ้น เวลาพูดก็ได้ยินเสียงตัวเองอยู่บ้าง ทำให้ความรู้สึกแปลกๆ เวลาเปิดโหมด ANC ลดลงไปพอสมควร

นอกจากโหมด ANC แล้ว AirPods Pro ตัวใหม่นี้ยังมีโหมด Adaptive Transparency ที่พอเปิดแล้วจะได้ยินเสียงรอบข้าง แต่จะลดเสียงที่ดังมากๆ ให้เบาลงด้วย เช่นพวกเสียงไซเรน หรือเสียงรถไฟดังๆ ตรงนี้ก็จะลดความดังลง แต่ยังได้ยินอยู่ เพื่อให้ฟังได้สบายหูมากขึ้น

ในรุ่นนี้ แอปเปิลให้ Ear Tips มาถึง 4 ขนาด พร้อมกับฟีเจอร์ Ear Tip Fit Test เหมือนเดิม ซึ่งจะทำให้เราเลือกขนาด Ear Tips ได้พอดีกับหูเราที่สุด และยังมีระบบ Adaptive EQ ที่จะคอยปรับ EQ ตามเสียงเพลงที่เราได้ยินในหูอีกด้วย

Sound Quality

จากที่ลองฟังเจ้า AirPods Pro ตัวใหม่นี้มาซัก 1 สัปดาห์กับหูธรรมดาของผม (ที่ไม่ได้หูทองอะไร) พบว่าเสียงดีขึ้นมากเมื่อเทียบกับ AirPods Pro รุ่นก่อน ทำออกมาได้ดีขึ้นในทุกๆ ย่าน ได้เวทีเสียงที่กว้างขึ้น เก็บรายละเอียดได้มากขึ้น สร้างความ Balance ในแต่ละย่านได้ดี ในเรื่องของเบสให้เบสที่กำลังพอดี มีมวล และแรงปะทะในระดับที่ควรจะเป็น ไม่มากวนย่านอื่น ย่านกลางทำได้ดี เสียงร้องค่อนข้างมีความชัดเจน ไม่โดดเด่น หรือบวมมากจนเกินไป และย่านสูงได้ความพอดี มีมิติ ฟังนานๆ แล้วไม่บาดหู

สิ่งนึงที่น่าเสียดายมากกับการเปิดตัว AirPods Pro รุ่นใหม่ของแอปเปิลก็คือเจ้าตัวใหม่นี้ยังใช้งานแค่ codec AAC (lossy) อยู่ ทำให้ไม่รองรับ Hi-Res audio แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่ตัวแอพ Apple Music ก็เป็น lossless แล้ว และคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ในตลาดก็รองรับ lossless audio กันแทบจะหมดแล้ว ถือว่าน่าเสียดายที่แอปเปิลไม่ยอมปล่อย Hi-Res มาบน AirPods ซักรุ่น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเมื่อใช้ AirPods Pro + Apple Music + Spatial Audio แล้วนั้น มันได้รับประสบการณ์การฟังเพลงที่สุดยอดมากแล้ว สำหรับหูฟังในระดับนี้

Touch Control

เป็นสิ่งที่ผมชอบมาก จากที่แต่ก่อนต้องคอยล้วงไปกดปุ่มเพิ่มลดเสียงที่ไอโฟน หรือใช้คำสั่งเสียง Hey Siri เพื่อให้สิริปรับเสียงหูฟังให้นั้น ตอนนี้มันสามารถปรับเสียงได้โดยการปัดขึ้นลงที่บริเวณก้านหูฟัง ซึ่งจากที่ลองใช้ดู แรกๆ ก็อาจจะไม่ชินบ้าง แต่ใช้ไปซักพักก็จะปรับตัวได้เอง และที่สำคัญ มันสะดวกขึ้นเยอะจริงๆ

Skin-detect sensor

ในรุ่นใหม่นี้ แอปเปิลเปลี่ยนมาใช้ Skin-detect sensor หรือเซ็นเซอร์ตรวจจับผิวหนัง ในการตรวจสอบว่าหูฟังนั้นอยู่ในหูของเราหรือไม่ ซึ่งมีความแม่นยำมากกว่าเดิมมาก สามารถแยกแยะผิวหนังกับสิ่งของอื่นๆ ได้จริง (แต่ไม่ได้ตรวจสอบว่าใส่หูฟังอยู่หรือไม่นะ) เนื่องจากรุ่นก่อนๆ ใช้เป็น Optical sensor บางครั้ง ผมถอดใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ หูฟังก็เข้าใจว่าใส่อยู่ในหู ทำให้เพลงเล่นเอง หรือเวลารับโทรศัพท์ก็ไปดังที่หูฟังในกระเป๋าเสื้ออยู่บ่อยครั้ง

Battery Life

ตัวนี้แอปเปิลเคลมว่าฟังได้ 6 ชม. ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และเมื่อใช้ร่วมกับเคสชาร์จจะสามารถใช้ได้นานถึง 30 ชม. ซึ่งใช้ได้นานกว่ารุ่นแรกพอควร (AirPods Pro รุ่นแรกฟังได้ 4.5 ชม. และรวมทั้งหมด 24 ชม. เมื่อใช้เคสชาร์จ) ทำให้เราอาจจะไม่ต้องชาร์จหูฟังบ่อยๆ ทุกวันแล้ว (สำหรับคนที่ใช้น้อย) โดยจากการใช้งานจริง ผมฟังได้ราว 5 ชั่วโมงกว่า แบตก็หมดครับ ถือว่าใกล้เคียงกับที่เคลมไว้อยู่

ภาพ: Apple

Charging Case

ถึงแม้ดีไซน์จะเหมือนเดิม แต่ภายในมีการเปลี่ยนแปลงเยอะพอควร

  • ชิป U1 ที่ทำงานเหมือนกับ AirTag ทำให้เราสามารถหาตำแหน่งของตัวเคสแบบ Precision Finding ได้แล้ว
  • ลำโพงที่ตัวเคส ไว้ใช้ส่งเสียงในกรณีที่หาไม่เจอ ซึ่งในรุ่นแรก เมื่อกดส่งเสียงจะเป็นเสียงจากตัวหูฟังด้านในดังออกมาเพียงอย่างเดียว
  • กันน้ำระดับ IPX4 ทำให้พอเอาไปลุยฝนลุยเหงื่อแบบเบาๆ ได้บ้าง
  • ใช้ที่ชาร์จ Apple Watch ได้ ผมมองว่าสะดวกพอสมควรสำหรับคนที่ใช้ Apple Watch อยู่แล้ว ประหยัดช่อง และสายชาร์จไปได้ 1 เส้น เพราะยังไงเราก็ไม่ได้ชาร์จนาฬิกาตลอดเวลา สามารถสลับกันชาร์จได้
  • มีช่องคล้องเชือกในตัวแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ต้องหาเคสที่มีช่องคล้องเชือกมาใส่ก่อน แต่ตอนนี้สำหรับคนที่ไม่ชอบใส่เคส อยากคล้องสายสวยๆ ก็สามารถทำได้
  • สำหรับคนที่สั่งผ่าน Appe Store และเลือกสลักชื่อ, Emoji หรือ Memoji ลงไปบนเคส รูปที่เราสลักลงไปจะขึ้นในหน้า Setup บนไอโฟนด้วยครับ
ภาพ: Apple

ราคา

ราคาเปิดตัวของเจ้า AirPods Pro (รุ่นที่ 2) นี้อยู่ที่ 8,990 บาท สลักชื่อ และส่งฟรีเหมือนเดิม สามารถสั่งซื้อได้ที่เว็บไซต์ของแอปเปิล และตัวแทนจำหน่ายได้แล้ววันนี้

ภาพ: Apple

สรุป

สิ่งที่ชอบสิ่งที่ไม่ชอบ
เสียงที่พัฒนาขึ้นจากรุ่นก่อนมากใช้พอร์ต Lightning
ระบบ ANC ที่ตัดเสียงได้ดีขึ้นเยอะไม่รองรับ Hi-Res lossless audio
Adaptive Transparency
Touch Control ปรับเสียงง่ายขึ้น
ชิป U1 ที่ทำให้หา AirPods ได้ง่ายเหมือน AirTag และลำโพงที่เคส
กันน้ำระดับ IPX4