Setapp เป็น App Store ของ MacPaw ที่รวบรวมแอพต่างๆ ที่จะทำให้การใช้งานต่างๆ บน macOS สะดวกมากยิ่งขึ้นกันครับ โดย Setapp จะคิดเงินเราเดือนละ $9.99 โดยเราจะสามารถใช้แอพบน Setapp ได้ทั้งหมด พร้อมกับได้อัพเดตตลอด
ยกตัวอย่างเช่น iStat Menus ที่ขายขาดอยู่ที่ $12.83 และเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ออกมา ก็ต้องอัพเกรดอีก $10.69 ดังนั้นการใช้ Setapp จะทำให้เราไม่ต้องซื้อ License แบบขายขาด และคอยอัพเกรดเมื่อออกเวอร์ชันใหม่ตลอดนั่นเอง
สำหรับคนที่สนใจสมัคร SetApp สามารถสมัครได้ผ่าน Referral Link ของผมเอง หลังจาก Trial ฟรี 7 วัน ถ้าเริ่ม Subscription แล้วจะได้ใช้ฟรีเพิ่ม 1 เดือนครับ
ถัดมาขอแนะนำแอพบน Setapp ที่ผมใช้งานอยู่ และน่าสนใจครับ
เอาไว้มอนิเตอร์ MacBook ของเราว่าใช้ทรัพยากรณ์อะไรเท่าไหร่บ้าง ทั้ง CPU, GPU, RAM, Disk, Network และอื่นๆ โดยแสดงผลอยู่บน Menubar ของเรา และสามารถกดดูรายละเอียดต่างๆ ได้ละเอียดมาก
แอพสำหรับแคปสกรีน หรืออัดวิดีโอหน้าจอ ที่ดีกว่าแอพบน macOS เอง เพราะว่าสามารถวาดเขียน หรือเติมข้อความลงไปในรูปภาพได้ทันที รวมไปถึงมีฟีเจอร์ Scrolling Capture ให้สามารถแคปหน้าเว็บ หรือเอกสารยาวๆ ได้สะดวกมาก
ใช้บันทึกคลิปบอร์ด หรือสิ่งที่เรากด Copy ไว้ ให้เราสามารถมาเลือกดูย้อนหลังได้ ซึ่งแอพจะบันทึกทั้งข้อความ ไฟล์ รูปภาพ และลิงค์ต่างๆ ทำให้สิ่งที่เราเคย Copy ไว้ไม่หายไปไหน
เอาไว้ Dim โปรแกรมอื่นๆ ลง ในกรณีที่เปิดหน้าต่างไว้หลายโปรแกรม ทำให้สามารถโฟกัสได้มากขึ้นกับแอพที่กำลังทำงานอยู่
ปล. สำหรับใครที่มี GitHub Student Developer Pack สามารถโหลด HazeOver ไปใช้ได้ฟรีนะครับ ผมเลยไม่ได้ใช้งานผ่าน Setapp
เวลาเราจะลากไฟล์ไปยังโฟลเดอร์ต่างๆ บางครั้งก็ต้องกดค้างไว้นานๆ เพื่อเลื่อน หรือบางทีก็ต้องเปิดหน้าต่างไว้หลายๆ อันเพื่อลากไฟล์ ซึ่ง Yoink ทำหน้าที่เป็นเหมือน Shelf เล็กๆ ที่เราสามารถเอาไฟล์ไปฝากไว้ก่อนได้ แล้วจึงลากออกมายังที่ที่ต้องการ รวมถึงสามารถลากหลายๆ ไฟล์ไปไว้บน Yoink แล้วค่อยดึงออกมาพร้อมกันก็ได้
บางทีเรามีแอพจำนวนมากรันอยู่บนพื้นหลัง ทำให้ Menu Bar เต็มไปด้วยไอคอนจำนวนมาก Bartender จะช่วยซ่อนไอคอนที่เราไม่ต้องการออกไป และแสดงผลเมื่อเอาเมาส์ไปคลิก หรือวางเมาส์ไว้บน Menu Bar ครับ
ช่วยเปลี่ยน Wallpaper ของเครื่องเราไปเรื่อยๆ ในแอพมีรูปภาพ 4K คุณภาพสูงสวยๆ จำนวนมาก ทำให้ Desktop ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป
ผมใช้แอพนี้สำหรับจัดการไฟล์บน FTP, WebDav, SMB และโปรโตคอลอื่นๆ ที่ชอบคือมีฟีเจอร์ Sync ด้วย ทำให้เราสามารถแบ็คอัพไฟล์ต่างๆ ได้ง่ายขึ้น
หลายๆ คนถ้ามาจาก Windows คงจะต้องการแอพนี้เป็นอย่างมาก มันทำให้หน้าต่างของแมคสามารถจัดระเบียบ Layout ได้เหมือน Windows เลยครับ ทั้งจะเต็มจออันเดียว แบ่ง 50/50 หรือแบ่ง 33/33/33 ก็ทำได้ หรือจะตั้งค่า Layout เองก็ได้
Alternative: Magnet คิดว่า Layout ดูดีกว่า รกน้อยกว่า แต่อาจจะปรับแต่งได้เยอะไม่เท่า และไม่ได้อยู่บน Setapp
แอพเครื่องคิดเลขที่รองรับการเปลี่ยนสกุลเงิน หน่วย และเวลาได้หมด และดีไซน์สวยกว่าเครื่องคิดเลขเดิมมากๆ
เป็นแอพปฏิทินที่น่าสนใจมากๆ มีฟีเจอร์ต่างๆ เยอะกว่าแอพ Calendar พอควร ส่วนตัวใช้ Calendars by Readdle อยู่ เลยไม่ได้ลองแอพนี้
ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับแอพนี้ เพราะจริงๆ แล้ว Setapp ก็เป็นของคุณ MacPaw เช่นเดียวกัน สำหรับแอพ CleanMyMac X ที่จะช่วยทำความสะอาดแมคของเรา จัดการไฟล์ต่างๆ ที่ไม่ได้ใช้ ลบโปรแกรมต่างๆ และทำให้แมคเร็วขึ้น
เป็นทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการใช้งานโปรแกรมจัดการ PDF ครับ นอกจาก Adobe Acrobat Pro ที่ต้องจ่ายรายเดือนแล้ว ผมคิดว่าตัวนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย น่าจะใช้แทนกันได้เลย
| แอพ | ราคา | หมายเหตุ |
| iStat Menu | $12.83 | อัพเกรดเวอร์ชันใหม่ราคา $10.69 |
| CleanShot X | $29.00 | อัพเกรดฟรี 1 ปี |
| Paste | $14.99/year | |
| HazeOver | $4.99 | |
| Yoink | $8.99 | |
| Bartender | $16.00 | อัพเกรดเวอร์ชันใหม่ราคา $8.00 |
| Wallpaper Wizard 2 | $9.95 | |
| ForkLift 3 | $19.95 | อัพเกรดฟรี 1 ปี |
| Mosaic | £9.99 (~$10.03) | |
| Numi | $19.99 | |
| CleanMyMac X | $39.95/year | |
| Nitro PDF Pro | $179.99 |
จะเห็นได้ว่าหากรวมราคาทั้งหมดแล้วก็ราคาก็มากกว่าจ่าย Setapp 1 ปี ที่ราคา $9.99 ต่อเดือน หรือถ้าจ่ายรายปีจะได้ลดเหลือเดือนละ $8.99 ซึ่งนอกเหนือจากเราจะได้ใช้แอพทั้งหมดนี้แล้ว ก็ได้อัพเกรดฟรี และได้มีโอกาสใช้แอพอื่นๆ ที่เราต้องการใช้อีกด้วยในอนาคต
สำหรับคนที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่จะได้รับส่วนลด 50% เหลือเพียง $4.99 ต่อเดือน แต่ต้องจ่ายรายปี ซึ่งจะอยู่ที่ $59.88 ส่วนตัวแล้วคิดว่าราคานี้คุ้มค่าอยู่ครับ
และขอฝากอีกครั้ง ใครที่อยากใช้ สามารถสมัครได้ผ่าน Referral Link ของผมได้เลย หลังจาก Trial ฟรี 7 วัน ถ้าเริ่ม Subscription แล้วจะได้ใช้ฟรีเพิ่ม 1 เดือนครับ
ต้องเล่าให้ฟังก่อนครับว่า MacBook, iPhone หรือ iPad ที่เราใช้กันอยู่เนี่ย แอปเปิลเลือกใช้แบตแบบ Lithium-ion ทั้งหมดเลย ซึ่งแบตชนิดนี้จะเสื่อมลงตามจำนวนรอบของการชาร์จไปเรื่อยๆ สิ่งนี้จะเรียกว่า Charge Cycle โดยจะนับ % ของแบตเตอรี่ที่ชาร์จเข้าไป ครบ 100% เมื่อไหร่ จะนับเป็น 1 Charge Cycle เมื่อใช้งานไปเรื่อยๆ จำนวนรอบชาร์จมากขึ้น ประสิทธิภาพของแบตก็จะค่อยๆ เสื่อมลงนั่นเองครับ
หลายๆ คน อาจจะวางระบบเน็ตเวิร์คในบ้าน โดยการแยก Device ที่ใช้งานส่วนตัว แยกออกจากทีวี, อุปกรณ์ IoT ต่างๆ ที่บางครั้งก็อาจจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือมากนัก ทำให้การใช้งาน AirPlay, HomeKit หรือบริการอื่นๆ จากแอปเปิลไม่สามารถใช้งานได้
เนื่องจากแอปเปิลพึ่งเปิดตัว AIrPods Pro (รุ่นที่ 2) ไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ผมที่ใช้ AirPods รุ่นที่ 2 อยู่ ก็เกิดอยากเสียเงินขึ้นมา ทำให้ได้กดสั่งซื้อ AirPods Pro ตัวใหม่นี้มาอย่างไม่ลังเล ทั้งๆ ที่ไม่เคยใช้ AirPods Pro มาก่อนเลย ด้วยเหตุผลก็คือ
