เนื่องจากผมอาศัยอยู่ที่หอพักเป็นหลัก ทำให้ไม่สามารถเดินสายอินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ หรือ ADSL เข้ามาที่ห้องได้ และโดนบังคับให้ซื้อแพคเกจอินเตอร์เน็ตเพิ่มจากทางหอพักเอง ซึ่งราคาก็ค่อนข้างสูงพอควร และบ่อยครั้งก็ใช้ไอโฟนปล่อย Mobile Hotspot อยู่บ่อยๆ จึงคิดว่ามองหาเราเตอร์ใส่ซิมดีกว่า
ในเดือนที่แล้วทรูมีโปรย้ายค่ายเบอร์เดิมที่ Comseven โดยใช้โปร 4G Max Speed Unlimited 1099 ได้รับส่วนลด 500 บาท เหลือเพียง 599 บาท แถมยังได้รับสิทธิใช้งาน 5G ไม่อั้น ถึง 31 ธันวาคม 2563 ผมจึงไปดำเนินการย้ายค่ายไปยังทรูมูฟเฮช และไปหาซื้อตัว Huawei 5G CPE Pro มาใช้
ขอบอกก่อนว่าบทความนี้จะไม่ได้ลงลึกรายละเอียดของตัวอุปกรณ์ว่าสเปคอะไรยังไง รองรับไวไฟกี่ Band รองรับความเร็วได้เท่าไหร่ หรือใช้เทคโนโลยีอะไร มากนะครับ ถ้ามีก็จะแค่คร่าวๆ ส่วนมากจะเน้นไปที่การใช้งานจริงมากกว่า ส่วนข้อมูลพวก Tech spec อะไรต่างๆ สามารถหาดูได้ที่เว็บไซต์ผู้ผลิตครับ

Huawei 5G CPE Pro (Model H112-372)
ก่อนอื่นเลยมาดูสเปคตัวเราเตอร์ Huawei 5G CPE Pro (Model H112-372) กันแบบคร่าวๆ ก่อนละกันครับ
- 5G Transmission Rate: 1.65Gbps / 250Mbps (Theoretical value. The actual rate depends on the operator)
- H112-372: 802.11ac/a/n 2 x 2 & 802.11b/g/n 2 x 2, MIMO
- H112-372: DBDC, 1167Mbps
- H112-372: Dual-band Wi-Fi antenna with four signal amplifiers
- H112-372: Balong 5000 multi-mode chip, GigaHome dual-band Wi-Fi chip
- H112-372: One Wan / Lan GE port, one Lan GE port, one SIM card slot (Nano-SIM)
ที่มา: Huawei 5G CPE Pro

อุปกรณ์ที่ใช้ทดสอบ
- Huawei 5G CPE Pro (H112-372) with Truemove H 5G
- iPhone 11
- iPad Pro 10.5
ส่วนสถานที่ในการทดสอบก็คือหอพักของผมเองครับ อยู่ที่ชั้น 6 ซึ่งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ติดกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่ผมเรียนอยู่ และดูจากแอพ nPerf ก็คลอบคลุมพื้นที่สัญญาณ 5G ของทรูแล้วครับ
ต่อมาหลังจากติดตั้งอุปกรณ์แล้ว ก็ทำการใส่ซิม True5G เข้าไป โดยสามารถเปิดใช้งาน 5G ได้ผ่าน True iService หรือคอลเซนเตอร์ครับ (เนื่องจากเราไม่สามารถกด *555*2# เพื่อเปิดใช้งานจากเราเตอร์ได้ ยกเว้นว่าใครมีอุปกรณ์ 5G ตัวอื่น ก็สามารถกด *555*2# ก่อน แล้วค่อยนำซิมไปใส่ได้ครับ)
หลังจากนั้นก็ทำการตั้งค่าตัว Huawei 5G CPE Pro โดยเชื่อมต่อผ่านแลน หรือไวไฟ (รหัสอยู่ที่ใต้เครื่อง) และทำการติดตั้งผ่าน Web browser หรือแอพ Huawei SmartHome ได้เลยครับ
ผลการทดสอบ


ซึ่งความเร็วทั้งขา Download และ Upload ก็ค่อนข้างเป็นที่น่าพอใจครับ ถึงแม้จะแกว่งบ้าง โปรรายเดือน 599 บาท ได้ความเร็วเท่านี้ ถ้าเทียบกับหอพักที่คิดราคา 50 Mbps อยู่ที่ 690 บาท รวมถึงข้อจำกัดของการเดินสายเน็ตบนตึกสูงด้วย ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว (ถ้าไม่นับค่าเครื่อง ฮ่าๆ แต่ผมคิดว่าเดี๋ยวก็คืนทุนได้ครับ) แต่ข้อเสียของมันก็คงเป็น Latency ที่ค่อนข้างเยอะกว่าเน็ตบ้าน หากใครไม่ซีเรียสตรงจุดนี้ก็โอเคครับ
หรือถ้าใครหาโปร 5G ไม่ได้ หรือไม่พื้นที่ไม่รองรับ ก็สามารถใช้ 4G ไปพลางๆ ก่อนได้ครับ เพราะตัวนี้ก็ยังรองรับ 4G+ 3CA ด้วยครับ น่าจะทำความเร็วได้ดีกว่า 4G Router Non-CA อยู่พอควร
หวังว่าการใช้ 5G Router ก็คงจะเป็นอีกทางเลือกนี้ สำหรับคนที่อยู่หอพัก หรือคอนโดที่ไม่สามารถเดินสายได้ หรือบางตึกก็รองรับความเร็วสูงสุดที่ 50 Mbps เท่านั้น แต่อยากได้ความเร็วที่สูงขึ้น เชื่อว่าต่อไปถ้า 5G ขยายพื้นที่ครอบคลุมมากขึ้น ราคาอุปกรณ์ก็คงจะถูกลง และให้ยูเซอร์อย่างเราๆ ได้ใช้งานกันแพร่หลายมากขึ้นครับ